ห้องสมุดประชาชน“เฉลิมราชกุมารี”
ห้องสมุดประชาชน“เฉลิมราชกุมารี” หมายถึง ห้องสมุดประชาชนจังหวัด หรือห้องสมุดประชาชนอำเภอที่กระทรวงศึกษาธิการ โดยกรมการศึกษานอกโรงเรียนได้รับมติจาก ค.ร.ม. เมื่อ วันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๓๔ ให้สร้างเนื่องในวโรกาส สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ ๓๖ พรรษา
ประวัติความเป็นมา
กรมการศึกษานอกโรงเรียน ได้พิจารณาเห็นว่าเพื่อสนองพระราชปณิธานและแนวทางพระราชดำริในการส่งเสริมการศึกษาสำหรับประชาชนตามที่ทรงแสดงไว้ในโอกาสต่าง ๆ เช่น ในโอกาสที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเสด็จเป็นองค์ประธานในการประชุม สมัชชาสากลว่าด้วยการศึกษาผู้ใหญ่ เมื่อวันที่ ๑๒ มกราคม ๑๕๓๓ ได้ทรงพระราชทานลายพระหัตถ์เชิญชวนให้ “ร่วมกันทำให้ชาวโลกอ่านออกเขียนได้” และในบทพระราชนิพนธ์เรื่อง “ห้องสมุดในทัศนะของข้าพเจ้า” ได้ทรงกล่าวว่า “ความรู้ของมนุษย์เป็นมรดกตกทอดกันมาแต่โบราณ เมื่อมีการประดิษฐ์คิดค้นอักษรขึ้น ผู้มีความรู้ก็ได้บันทึกความรู้ของตน สิ่งที่ตนค้นพบ เป็นการจารึก หรือเป็นหนังสือ ทำให้บุคคลอื่นในสมัยเดียวกัน หรืออนุชนรุ่นหลังได้มีโอกาสศึกษาทราบถึงเรื่องนั้นๆ และได้ใช้ความรู้เก่าๆ เป็นพื้นฐานที่จะหาประสบการณ์ คิดค้นสิ่งใหม่ๆ ที่เป็นความก้าวหน้าเป็นความเจริญสืบต่อไป” ห้องสมุดเป็นสถานที่เก็บเอกสารต่างๆ อันเป็นแหล่งความรู้ดังกล่าวแล้ว จึงเรียกได้ว่าเป็นครูเป็นผู้ชี้นำให้เรามีปัญญา วิเคราะห์ วิจารณ์ให้รู้สิ่งควรรู้อันชอบด้วยเหตุผลได้ ข้าพเจ้าอยากให้เรามีห้องสมุดที่ดี มีหนังสือครบทุกประเภทสำหรับประชาชน หนังสือประเภทที่ข้าพเจ้าคิดว่าสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งคือ หนังสือสำหรับเด็ก วัยเด็กเป็นวัยเรียนรู้ เด็กๆ ส่วนใหญ่สนใจจะทราบเรื่องราว ต่างๆ แปลกๆ ใหม่ๆ อยู่แล้ว ถ้าเรามีหนังสือที่มีคุณค่าทั้งเนื้อหาและรูปภาพให้เขาอ่าน ให้ความรู้ความบันเทิง เด็กๆ จะได้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์ที่รอบรู้ มีธรรมะประจำใจ มีความรักบ้างเมือง มีความต้องการปรารถนาจะทำแต่ประโยชน์ที่สมควร
โลกคือมนทิรแผ้ว ไพศาล ห้องหับสรรพโอฬาร เลิศแล้ หนังสือดุจประแจทวาร ไขสู่ ห้องนา จักพบรัตนแท้ ก่องแก้ววิทยา
พระราชนิพนธ์ใน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ กระทรวงศึกษาธิการ จึงได้ขอพระราชทานพระราชานุญาต ดำเนินโครงการจัดตั้งห้องสมุดประชาชน ซึ่งได้รับพระราชทานนามว่า ห้องสมุดประชาชน"เฉลิมราชกุมารี" โดยจะเริ่มก่อสร้างห้องสมุดรุ่นแรก จำนวน ๓๗ แห่ง เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวโรกาสที่พระชนมายุ ๓๖ พรรษา ในปี ๒๕๓๔ และจะวางแผนดำเนินการจัดตั้งอย่างต่อเนื่องจนครบทุกอำเภอภายในระยะ เวลา ๑๐ ปี ระหว่างปี ๒๕๓๔-๒๕๔๓ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่องค์การสหประชาชาติ ได้ประกาศให้เป็นทศวรรษแห่งการส่งเสริมการรู้หนังสือ
ห้องสมุดประชาชนแต่ละแห่งจะสร้างขึ้นด้วยความร่วมมือของประชาชนในท้องถิ่น หน่วยงานภาครัฐและเอกชน จากความจงรักภักดี และความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อพร้อมใจน้อมเกล้าฯ ถวายเพื่อสนองพระราชปณิธานให้ชุมชนมีแหล่งความรู้ที่พร้อมพรั่งสมบูรณ์ ซึ่งจะเป็นแบบอย่างของการพัฒนาห้องสมุดสืบต่อไปโดยมีการจัดส่วนบริการและกิจกรรม คือ
๑. ห้องอ่านหนังสือทั่วไป
๒. มุมเด็กและครอบครัว
๓. ห้องเอนกประสงค์
๔. ห้องโสตทัศนศึกษา
๕. ห้องเฉลิมพระเกียรติ
วัตถุประสงค์
ในการจัดตั้งมุ่งที่จะกระจายโอกาสทางการศึกษาไปสู่ประชาชนในชนบท ด้วยการจัดตั้งและพัฒนาห้องสมุดประชาชนอำเภอ ให้เป็นแหล่งความรู้สำหรับประชาชนทุกเพศทุกวัย และเป็นศูนย์กลางสนับสนุนการผลิตและเผยแพร่เอกสารสิ่งพิมพ์ ไปสู่ที่อ่านหนังสือในระดับหมู่บ้านทั้งนี้ โดยได้กำหนดวัตถุประสงค์เฉพาะในการดำเนินการไว้ดังต่อไปนี้
๑. พัฒนารูปแบบของห้องสมุดประชาชนอำเภอ เพื่อสนองตามแนวพระราชดำริ เพื่อให้เป็นตัวอย่างของห้องสมุดในอนาคตที่จะเป็นแหล่งความรู้และศูนย์กลางสนับสนุนเครือข่ายการเรียนรู้ในระดับหมู่บ้าน
๒. จัดตั้งห้องสมุดประชาชนอำเภอให้ครบทุกอำเภอ โดยจะคัดเลือกอำเภอที่มีความพร้อมและความจำเป็นเร่งด่วน ดำเนินการจัดตั้งเป็นรุ่นแรกจำนวน ๓๗ แห่ง ในช่วงปี ๒๕๓๔-๒๕๓๕ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และทยอยการจัดตั้งในอำเภออื่นๆ จนครบทั่วทั้งประเทศในช่วง ปี ๒๕๓๖-๒๕๔๓
๓. พัฒนาห้องสมุดประชาชนอำเภอ ที่จัดตั้งอยู่เดิมแล้วให้มีคุณภาพและมีความพร้อมที่จะให้บริการตามบทบาทและภารกิจของห้องสมุดในอนาคต
๔. ประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนรณรงค์ส่งเสริมการอ่าน เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เห็นความสำคัญของการอ่านและการจัดตั้งห้องสมุดประชาชน เพื่อจะได้มีส่วนร่วมรับผิดชอบในการดำเนินโครงการและใช้ประโยชน์จากห้องสมุดที่จะจัดตั้งขึ้น
บทบาทหน้าที่
๑. ศูนย์ข่าวสารข้อมูลของชุมชน หมายถึง จัดห้องสมุดให้เป็นแหล่งศึกษาหาความรู้ โดยมีการจัดบริการหนังสือ เอกสารสิ่งพิมพ์ และสื่อโสตทัศน์ ๒. ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ของชุมชน เป็นแหล่งส่งเสริม สนับสนุน และจัดกิจกรรมการเรียนรู้
๓. ศูนย์กลางจัดกิจกรรมของชุมชน หมายถึง การให้บริการแก่ชุมชนในการจัดกิจกรรมการศึกษา และศิลปวัฒนธรรม เช่น การประชุมขององค์กร การจัดกิจกรรมวันสำคัญตามประเพณี การจัดสวนสุขภาพ สนามเด็กเล่นและสวนสาธารณะ เป็นต้น
๔. ศูนย์กลางสนับสนุนเครือข่ายการเรียนรู้ในชุมชน หมายถึง การจัดให้เกิดกระบวนการที่จะเชื่อมประสานระหว่างห้องสมุดและแหล่งความรู้ในชุมชนอื่นๆ เช่น ที่อ่านหนังสือประจำหมู่บ้าน สถานศึกษา แหล่งประกอบการ ภูมิปัญญาท้องถิ่น
บทสรุป ห้องสมุดประชาชน"เฉลิมราชกุมารี"
เป็นห้องสมุดประชาชนที่อยู่ในการกำกับดูแลของกรมการศึกษานอกโรงเรียน จัดสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวโรกาสที่มีพระชนมายุ ๓๖ พรรษา พ.ศ. ๒๕๓๔ เพื่อเป็นแหล่งสรรพความรู้ต่างๆ ที่สมบูรณ์ของประชาชนในท้องถิ่น ทั้งการเป็นศูนย์ข้อมูล ข่าวสารชุมชน ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ของชุมชน ศูนย์กลางการจัดกิจกรรมของชุมชนและเป็นแหล่งพัฒนาเครือข่ายการเรียนรู้ในชุมชน
โครงการจัดตั้งห้องสมุดประชาชน“เฉลิมราชกุมารี” ณ อำเภอวังทรายพูน
เนื่องในมิ่งมงคลสมัยที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะทรงมีพระชนมายุครบ ๓ รอบพระนักษัตร ในปีพุทธศักราช ๒๕๓๔ เพื่อเป็นการสนองพระราชปณิธานและแนวทางพระราชดำริในการส่งเสริมการ ศึกษาสำหรับประชาชน ตามที่ทรงแสดงไว้ในโอกาสต่างๆ เช่นในโอกาสที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเสด็จเป็นองค์ประธานในการร่วมประชุมสมัชชาสากลว่าด้วยการศึกษาผู้ใหญ่ เมื่อวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๓๓ ได้ทรงพระราชทานลานพระหัตถ์เชิญชวนให้ “ร่วมกันทำให้ชาวโลกอ่านออกเขียนได้” กระทรวงศึกษาธิการจึงได้พิจารณาขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ดำเนินโครงการจัดตั้งห้องสมุดประชาชนอำเภอตามแนวพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยจะเริ่มก่อสร้างห้องสมุดรุ่นแรก จำนวน ๓๗ แห่ง เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระ เทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวโรกาสมีพระชนมายุครบ ๓ รอบ ในปี ๒๕๓๔ และวางแผนดำเนินการจัดตั้งอย่างต่อเนื่องจนครบทุกอำเภอ ภายในระยะเวลา ๑๐ ปี ระหว่างปี ๒๕๓๔-๒๕๔๓ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่องค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้เป็นทศวรรษแห่งการส่งเสริมการรู้หนังสือ ห้องสมุดประชาชนในแต่ละแห่ง จะสร้างขึ้นจากความจงรักภักดีและความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ที่ประชาชนในท้องถิ่น หน่วยงานภาครัฐบาลและเอกชนจะพร้อมใจน้อมเกล้าฯถวาย เพื่อสนองพระราชปณิธานให้ทุกชุมชนมีแหล่งความรู้ที่พรั่งพร้อมสมบูรณ์ต่อไป
หลักการและเหตุผล
หนังสือเป็นเครื่องมือสื่อสารที่จะช่วยเพิ่มพูนความรู้ ความสามารถ ส่งเสริมปัญญา ปลูกฝังความสนใจใฝ่รู้ ให้ความบันเทิงและเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ตลอดจนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับความก้าวหน้าทางวิทยาการ และความเคลื่อนไหวของเหตูการณ์บ้านเมือง แม้ว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจะมีส่วนช่วยกระจายโอกาสในการรับข่าวสาร ข้อมูลให้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยผ่านทางวิทยุ โทรทัศน์และสื่อต่างๆ ก็ตาม แต่วิทยาการเหล่า นี้ย่อมไม่สามารถทดแทนบทบาทของหนังสือ เอกสารและสิ่งพิมพ์ทั้งหมด เพราะความสามารถในการอ่านและเขียนไม่ใช่เป็นเพียงเครื่องมือเพื่อการรับข่าวสารจากภายนอกเท่านั้น แต่ยังช่วยในการเก็บรักษา วิเคราะห์พัฒนา ถ่ายทอดและสื่อสารข่าวสารข้อมูลให้เกิดประโยชน์สูงสุดอีกด้วย ในสภาพสังคมชนบทประชาชนส่วนใหญ่ยังขาดแคลนหนังสือและเอกสารสิ่งพิมพ์ที่จะศึกษาค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมตลอดชีวิตอยู่อีกมากมาย ซึ่งเป็นผลให้ประชาชนในชนบทมีโอกาสลืมหนังสือสูงมากและมักจะตกอยู่ในสภาวะเสียเปรียบอยู่เสมอๆ ขาดโอกาสที่จะพัฒนาตนเอง ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสังคม การส่งเสริมให้ประชาชนในชนบทได้มีโอกาสศึกษาหาความรู้จากหนังสือ เอกสารและสิ่งพิมพ์อย่างกว้างขวางและสม่ำเสมอ จึงเป็นเงื่อนไขสำคัญในการขจัดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และการพัฒนาคุณภาพของประชากร การจัดตั้งห้องสมุดประชาชนอำเภอจึงนับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประชาชนในชนบท ที่จะสามารถให้ประโยชน์แก่ประชาชนได้มาแสวงหาความรู้เพิ่มเติมจากสื่อต่างๆ อาทิ เช่น หนังสือ เอกสารสิ่งพิมพ์จากห้องสมุดประชาชนอำเภอ นอกจากนี้แล้วห้องสมุดประชาชนอำเภอยังนับว่าเป็นศูนย์รวมแหล่งผลิตและเผยแพร่เอกสารสิ่งพิมพ์ เพื่อสนับสนุนและตอบสนองความต้องการของที่อ่านหนังสือ และสถานศึกษาในระดับหมู่บ้านอีกด้วย ด้วยในปี ๒๕๓๔ ซึ่งเป็นปีที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ ๓ รอบ ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ อันเนื่องด้วยงานศึกษา การศาสนาและศิลปวัฒนธรรมของชาติ กระทรวงศึกษาธิการได้พิจารณาและมอบให้จังหวัดพิจิตร ดำเนินการจัดตั้งห้องสมุดประชาชนอำเภอ จำนวน ๑ แห่ง เพื่อสนองพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการส่งเสริมให้มีห้องสมุดเพื่อเป็นแหล่งศึกษา ค้นคว้าหาความรู้ของประชาชนในชนบทต่อไป
วัตถุประสงค์
โครงการจัดตั้งห้องสมุดประชาชนอำเภอ ตามแนวทางพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีวัตถุประสงค์หลัก ดังนี้
๑. เพื่อเป็นการกระจายโอกาสทางการศึกษาไปสู่ประชาชนในชนบทให้มากขึ้น จึงจำเป็นจะต้องจัดสร้างห้องสมุดประชาชนอำเภอ
๒. เพื่อให้ประชาชนทุกเพศ ทุกวัยในชนบท ได้มีแหล่งศึกษาค้นคว้าหาความรู้ในระดับอำเภอ
๓. มุ่งเน้นให้ห้องสมุดประชาชนอำเภอ เป็นศูนย์กลางสนับสนุนการผลิตและเผยแพร่เอกสารสิ่งพิมพ์ไปสู่ที่อ่านหนังสือในระดับหมู่บ้าน
๔. ให้ห้องสมุดประชาชนอำเภอเป็นทั้งแหล่งความรู้และศูนย์กลางสนับสนุนเครือข่ายการเรียนรู้ในระดับหมู่บ้าน
๕. เพื่อกระตุ้นให้ประชาชน หน่วยงานภาครัฐบาลและเอกชนได้มีส่วนร่วมรณรงค์ ส่งเสริมการอ่านของประชาชนในชนบทและมองเห็นความสำคัญของการจัดตั้งห้องสมุดประชาชนอำเภอ พร้อมทั้งมีส่วนร่วมรับผิดชอบในการดำเนินโครงการจัดตั้งห้องสมุดขึ้น
เป้าหมายและรูปแบบของห้องสมุดประชาชนเฉลิมราชกุมารี
๑. จัดหวัดพิจิตรจัดสร้างห้องสมุดประชาชนตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในปี พ.ศ. ๒๕๓๔ จำนวน ๑ แห่ง คือ ที่อำเภอวังทรายพูน
๒. ห้องสมุดที่จัดสร้างจะเป็นแหล่งรวมสรรพความรู้ ที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน ในรูปของ
๒.๑ สื่อสิ่งพิมพ์ ได้แก่ หนังสือวารสาร หนังสือพิมพ์ กฤตภาค แผ่นพับ แผ่นปลิว โปสเตอร์
๒.๒ สื่อโสตทัศนศึกษา เช่น วีดีทัศน์ แถบบันทึกเสียง ภาพนิ่ง ไมโครฟิลม์
๒.๓ สื่อนิทรรศการรูปแบบต่างๆ
๓. เป็นศูนย์การจัดกิจกรรมการศึกษานอกโรงเรียน และศูนย์แนะแนวการศึกษาและอาชีพ
๔. เป็นศูนย์กลางส่งเสริมและสนับสนุนเครือข่ายการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นในระดับหมู่บ้านด้วยการผลิต การบริจาค และการเผยแพร่เอกสารสิ่งพิมพ์ และสื่อการศึกษาประเภทต่างๆ
๕. มีการจัดบริการห้องสมุดที่ครบถ้วนอย่างเป็นระบบ เช่น
๕.๑ มีห้องปฏิบัติการทางภาษาและโสตทัศนศึกษา
๕.๒ มีมุมเด็ก มุมวิทยาศาสตร์
๕.๓ มีมุมพิพิธภัณฑ์ เพื่อแสดงศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ท้องถิ่น
๕.๔ มีศูนย์รับบริการหนังสือ
๖. อาคารห้องสมุดประชาชนอำเภอ จะมีสัญลักษณ์ซึ่งเป็นลายพระหัตถ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ข้อความว่า“ ร่วมกันทำให้ชาวโลกอ่านออกเขียนได้” ประดิษฐานไว้เหนือทางเข้าตัวอาคารของห้องสมุด และจะมีมุมหนังสือพระราชนิพนธ์ทุกเล่มอย่างครบถ้วนบริบูรณ์ รูปแบบตัวอาคาร เป็นอาคาร ๒ ชั้น ขนาดความกว้าง ๑๓ เมตร ความยาว ๑๕ เมตร
วิธีการดำเนินงาน
๑. ประชาสัมพันธ์โครงการการจัดตั้งห้องสมุดประชาชนอำเภอ ตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
๒. ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อหารูปแบบแนวทางการดำเนินการจัดสร้างห้องสมุดประชาชนอำเภอ ตามแนวพระราชดำริฯ เรื่องของการจัดหาบริเวณเนื้อที่ดินและงบประมาณสนับสนุนสมทบโครงการจัดสร้างห้องสมุด
๓. เสนอรูปแบบแนวทางจัดตั้งห้องสมุดประชาชนอำเภอ ตามแนวพระราชดำริฯ ต่อที่ประชุมคณะกรรมการจังหวัดพิจิตร เพื่อขอความเห็นชอบ
๔. เสนอโครงการเพื่อขอความเห็นชอบจากจังหวัด
๕. ดำเนินการก่อสร้างห้องสมุดประชาชนอำเภอ ตามรูปแบบแปลนของกรมการศึกษานอกโรงเรียน
งบประมาณ
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจัดสร้างห้องสมุดประชาชนอำเภอ ใช้งบประมาณรวมทั้งสิ้น จำนวน ๓ ล้านบาท โดยแยกออกเป็น
- ค่าก่อสร้างอาคารและครุภัณฑ์ จำนวน ๒.๓ ล้านบาท
- ค่าหนังสือ จำนวน ๐.๘ ล้านบาท
๑. เป็นเงินงบประมาณของรัฐ จำนวน ๑.๕ ล้านบาท
๒. เป็นเงินสนับสนุนสมทบ จำนวน ๑.๕ ล้านบาท
จากส่วนราชการ คณะสงฆ์จังหวัดพิจิตร ภาคเอกชน ห้างร้าน บริษัท มูลนิธิ สมาคม ชมรม และประชาชนชาวพิจิตร
สถานที่
บริเวณที่ว่าการอำเภอวังทรายพูน
ผู้รับผิดชอบโครงการ
๑. จังหวัดพิจิตร
๒. ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดพิจิตร
๓. อำเภอวังทรายพูน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
๑. สนองพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุครบ ๓ รอบ (๓๖ พรรษา)
๒. ได้ห้องสมุดประชาชนเฉลิมราชกุมารี ณ บริเวณที่ว่าการอำเภอวังทรายพูน ซึ่งเป็นรูปแบบของการรวมพลังระหว่างภาครัฐและเอกชน และประชาชนทั่วไปในการจัดสร้างห้องสมุดประชาชนเฉลิมราชกุมารี เพื่อเทิดพระ เกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จำนวน ๑ แห่ง
๓. ห้องสมุดประชาชนเฉลิมราชกุมารี เป็นแหล่งความรู้แก่ประชาชนและเป็นศูนย์กลางสนับสนุนเครือข่ายการเรียนรู้ในระดับหมู่บ้าน
๔. ประชาชนอำเภอวังทรายพูนและประชาชนทั่วไป ได้มีโอกาสศึกษาหาความรู้อย่างต่อเนื่องตามความจำเป็น ทั้งยังเป็นการเสริมคุณภาพการเรียนการสอนทั้งในระบบและนอกระบบโรงเรียน เพื่อสร้างสังคมการเรียนรู้ และลักษณะนิสัยการแสวงหาความรู้ ๕. ร่วมสนองเจตนารมณ์ของ UNESCO ในการประกาศทศวรรษแห่งการส่งเสริมการรู้หนังสือ
ข้อมูลทั่วไป : ห้องสมุดประชาชน“เฉลิมราชกุมารี”อำเภอวังทรายพูน
เนื่องในมิ่งมงคลสมัยที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะทรงมีพระชนมายุครบ ๓ รอบพระนักษัตร ในปีพุทธศักราช ๒๕๓๔ เพื่อเป็นการสนองพระราชปณิธานและแนวทางพระราชดำริในการส่งเสริมการ ศึกษาสำหรับประชาชน กระทรวงศึกษาธิการจึงได้พิจารณาขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรีดำเนินโครงการจัดตั้งห้องสมุดประชาชนอำเภอ จังหวัดพิจิตรจัดสร้างห้องสมุดประชาชน ในปี ๒๕๓๔ จำนวน ๑ แห่ง บริเวณที่ว่าอำเภอวังทรายพูน ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจัดสร้างห้องสมุดประชาชนอำเภอ ใช้งบประมาณทั้งสิ้น ๓ ล้านบาท โดยแยกออกเป็น
- ค่าก่อสร้างอาคารและครุภัณฑ์ จำนวน ๒.๓ ล้านบาท
- ค่าหนังสือ จำนวน ๐.๘ ล้านบาท
๑. เป็นเงินงบประมาณของรัฐ จำนวน ๑.๕ ล้านบาท
๒. เป็นเงินสนับสนุนสมทบ จำนวน ๑.๕ ล้านบาท
จากส่วนราชการ คณะสงฆ์จังหวัดพิจิตร ภาคเอกชน ห้างร้าน บริษัท มูลนิธิ สมาคม ชมรม และประชาชนชาวพิจิตร เปิดบริการตั้งแต่ วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๖ เป็นต้นไป
ลักษณะห้องสมุด
รูปแบบตัวอาคารเป็นอาคาร ๒ ชั้น ขนาดความกว้าง ๑๓ เมตร ความยาว ๑๕ เมตร ตามแบบแปลนของกรมการศึกษานอกโรงเรียน จัดเป็นห้องสมุดขนาดกลาง ต้นไม้มหามงคลประจำห้องสมุดมีชื่อว่า “ต้นค้อพิจิตร” สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงปลูกเป็นที่ระลึกเนื่องในวโรกาสที่เสด็จมาเปิดห้องสมุดประชาชน“เฉลิมราชกุมารี”อำเภอวังทรายพูน
“ชั้นบน” เป็นห้องพระเกจิอาจารย์จังหวัดพิจิตร ห้องเฉลิมพระเกียรติ ห้องโสตทัศนศึกษาและห้องประชุม
“ชั้นล่าง” เป็นบริเวณเคาเตอร์ให้บริการยืม – คืน มุมเด็ก มุมวารสารและหนังสือพิมพ์ มุมหนังสือทั่วไป มุมนิยาย ห้องสรงและห้องอินเตอร์เน็ตเพื่อการศึกษา
ที่ตั้งห้องสมุด
ห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” อำเภอวังทรายพูน ตั้งอยู่บริเวณที่ว่าการอำเภอวังทรายพูน ถนนเขาทราย – วังทอง ตำบลหนองพระ อำเภอวังทรายพูน จังหวัดพิจิตร รหัสไปรษณีย์ ๖๖๑๘๐
เบอร์โทรศัพท์ ๐๕๖-๖๙๕๓๖๔
เบอร์โทรสาร ๐๕๖-๖๙๕๐๙๗
เว็บไซต์ห้องสมุด http//www.wangsaiphunlibrary.net
บุคลากรห้องสมุด
๑. นายนิสิต ชูประสิทธิ์ ตำแหน่ง บรรณารักษ์อัตราจ้าง
๒. นางอำนวย ศรีดา ตำแหน่ง พนักงานบริการ
กำหนดการเปิดบริการ เปิดบริการ วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา ๐๘.๐๐ น. – ๑๖.๓๐ น. หยุดบริการ วันนักขัตฤกษ์
การสมัครสมาชิก
การรับสมัครสมาชิกของห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” อำเภอวังทรายพูน โดยผู้ที่มีความประสงค์จะเป็นสมาชิกห้องสมุด สามารถนำหลักฐานมาขอเป็นสมาชิกได้ทุกวัน หลักฐานที่ใช้ในการสมัคร คือ ๑. รูปถ่ายขนาด ๑ นิ้ว จำนวน ๒ รูป
๒. สำเนาทะเบียนบ้านหรือสำเนาบัตรประประชาชน จำนวน ๑ ฉบับ
๓. ฟรีค่าสมัครสมาชิก
๒. สำเนาทะเบียนบ้านหรือสำเนาบัตรประประชาชน จำนวน ๑ ฉบับ
๓. ฟรีค่าสมัครสมาชิก
บริการของห้องสมุด
๑. บริการยืม-คืน ผู้รับบริการสามารถใช้บริการยืม-คืน ด้วยบัตรสมาชิกห้องสมุด ๒. บริการตอบคำถามและช่วยการค้นคว้า เป็นบริการที่บรรณารักษ์จะให้คำแนะนำหรือชี้แนะแหล่งข้อมูลต่างๆ แก่ผู้ใช้บริการในกรณีที่ผู้ใช้มีปัญหาในการค้นคว้าข้อมูล รวมถึงการแนะนำและช่วยสอนการใช้คอมพิวเตอร์ในการสืบค้นข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตและการทำรายงาน ๓. บริการสืบค้นสารสนเทศจากฐานข้อมูล ให้บริการคำแนะนำในการสืบค้นฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ของห้องสมุด
๔. บริการสื่อโสตทัศนวัสดุ จัดเรียงตามลำดับเลขของสื่อแต่ละประเภท ได้แก่ แผ่นซีดี วีซีดี เทปคาสเซ็ต โดยติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อรับบริการ
๕. บริการวารสารและหนังสือพิมพ์ ให้บริการวารสารฉบับปัจจุบันและฉบับล่วงเวลา ๖. บริการอินเตอร์เน็ต ห้องสมุดมีเครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับบริการสืบค้นข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต ๗. บริการหนังสื่อ สิ่งพิมพ์ประเภทต่างๆ จัดเรียงแยกกันตามประเภท ได้แก่ หนังสือทั่วไป นวนิยาย เรื่องสั้น หนังสือเด็กและเยาวชน โดยจัดเรียงไว้ในระบบชั้นเปิดตามระบบทศนิยมดิวอี้
ระเบียบการยืม
๑. ควรแสดงบัตรสมาชิกทุกครั้งที่มีการยืม-คืน
๒. ควรยืมหนังสือและสื่อการเรียนรู้ด้วยตัวเอง (เวลาส่งคืนให้ผู้อื่นส่งแทนได้)
๓. สามารถยืมหนังสือและสื่อการเรียนรู้ ได้ครั้งละไม่เกิน ๕ เล่ม/๕ ชิ้น เป็นเวลา ๗ วัน หรือมากกว่านั้น(โดยบรรณารักษ์พิจารณาแบบรายบุคคล เช่น เป็นผู้มาใช้บริการของห้องสมุดบ่อยครั้ง สามารถส่งหนังสือและสื่อตามกำหนดได้ดี เป็นผู้รักษาและถนอมหนังสือ) ทั้งนี้เพื่อการส่งเสริมสนับสนุนนิสัยรักการอ่านให้แก่ผู้รับบริการ
๔. หากคืนหนังสือและสื่อการเรียนรู้เกินกำหนด (ปรับวันละ ๑ บาท/๑ ชิ้น)
๕. ควรรักษาหนังสือและสื่อการเรียนรู้ให้อยู่สภาพดีดั่งเดิม เสมอกับหนังสือและสื่อการเรียนรู้นั้นเป็นสมบัติของตนเอง เพื่อการใช้ประโยชน์ร่วมกัน (หากชำรุดหรือสูญหาย ปรับ ๒ เท่าของราคาหนังสือและสื่อการเรียนรู้นั้นๆ)
๖. หนังสืออ้างอิงและวารสารฉบับปัจจุบัน (งดบริการยืมออกห้องสมุด)
ข้อมูลหนังสือ สื่อการเรียนรู้และครุภัณฑ์
๑. หนังสือทั้งหมด จำนวน ๓๖,๘๔๓ เล่ม
๒. สื่ออิเล็กทรอนิกส์ จำนวน ๕,๓๙๖ แผ่น
๓. หนังสือพิมพ์ จำนวน วันละ ๒ ฉบับ
๔. วารสาร จำนวน ๑๒ ชื่อเรื่อง
๕. ทีวี จำนวน ๒ เครื่อง
๖. เครื่องเล่นดีวีดี จำนวน ๒ เครื่อง
๗. คอมพิวเตอร์ (สำหรับบริการยืม-คืนสื่อ) จำนวน ๑ เครื่อง
๘. คอมพิวเตอร์ (สำหรับงานเอกสารเจ้าหน้าที่) จำนวน ๑ เครื่อง
๙. คอมพิวเตอร์ (สำหรับให้บริการ) จำนวน ๒ เครื่อง
๑๐. เครื่องปริ้นเตอร์ จำนวน ๒ เครื่อง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น